สถานที่สำคัญภายในวัด

           1. ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

                ตั้งอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าวัดอยู่ตรงกันข้ามกับวิหารไสยาสน์โบราณ และได้อัญเชิญพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาประดิษฐานไว้ให้ประชาชนกราบสักการะขอพร ดำเนินการโดยคุณยืนยง โอภากุล เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 มีพิธีกรรมบวงสรวงพร้อมจัดสร้างเหรียญที่ระลึก (ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรมและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์,2564,
หน้า 71-74)

                  จากคำบอกเล่า “หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ชัยชนะที่บริเวณปากน้ำโจ้โล้แล้วพระองค์จึงเดินทางมาพักทัพที่บริเวณวัดโพธิ์บางคล้า” จึงเป็นประวัติศาสตร์ที่ประชาชนไทย ควรแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกป้องกันแผ่นดินไทย จึงทำให้ทางวัดได้สร้างศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สำหรับไว้ให้ประชาชนสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

                    2. พระวิหารไสยาสน์โบราณ

                  สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่างพ.ศ.2310-2315 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลังคาเป็นทรงจตุรมุขมุงด้วยกระเบื้องดินเผาเกล็ดเต่า ประดับช่อฟ้าใบระภา หน้าบันไม่มีลวดลาย มีปะตูทางเข้า 2 ด้าน คือทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก เหนือประตูประดับด้วยจีนเรียงเป็นรูปวงกลม มีหน้าต่าง 1 ช่อง ทางทิศตะวันออก กระเบื้องชายหลังคาเชื่อมด้วยปูน ตัววิหารมีกำแพง ล้อมรอบ พร้อมมุงหลังคาและมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยทำด้วยปูนประดิษฐานไว้โดยรอบจำนวน 9 องค์ปัจจุบันเหลือ 8 องค์ ส่วนภายในวิหารมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ 1 องค์ ต่อมาหลังคาวิหารและกำแพงได้ชำรุดและพังลง ในพ.ศ. 2485 ได้มีการซ่อมแซมหลังคาใหม่ โดยมุ่งด้วยกระเบื้องเกล็ดเต่าเคลือบสี หน้าบัน จั่วทิศตะวันตกเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ประดับด้วยลายเครือเถาหน้าบัน จั่วด้านประตูปั้นเป็นรูปดอกบัว 5 ดอกประดับแจกัน หลังคาประดับด้วยช่อฟ้ารูปหัวพญานาค มีใบระกา และต่อมาหลังคาและนาค ปั้นก็พัง เกิดความชำรุดเสียหายอีก ในพ.ศ. 2541 อำเภอบางคล้า ได้ทำการซ่อมโครงสร้างใหม่หมดตั้งเสาเสริมความเข็มแข็ง 4 ด้าน รวม 8  ด้าน ฉาบผนังภายในโดยก่ออิฐฉาบปูนทุกด้าน เปลี่ยนฝ้าเพดาน เปลี่ยนโคมไฟ ปูพื้นใหม่ด้วยหินอ่อน และปูดิลาแลงโดยรอบริหารทั้ง 4 ด้าน ในงบประมาณ 350,000 บาท ส่วนการประดับตกแต่งเครื่องบนตัวนาคและลวดลายหน้าบันทางวัดเป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้ทรงคุณค่าทาง ศิลปกรรม ปัจจุบันวิหารแห่งนี้คงมีเฉพาะฝ่าผนังปูนและพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ภายในวิหารเท่านั้นที่เป็น – ของเดิม

                            3. อุโบสถหลังใหม่

                        สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2492 ภายในอุโบสถมีพระประธานรามว่า”พระพุทธศิริชัยมงคล”มีจิตรกรรมฝาผนังสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่กอบกู้เอกราชของแผ่นดิน ดดยพระองค์ได้เสด็จมาพักทัพ ณ บริเวณวัดโพธิ์บางคล้า นอกจากนี้ยังมีภาพจิตรกรรมพุทธประวัติเกี่ยวกับทศชาติชาดก เป็นเรื่องราว 10 ชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้า เป็นต้น

                 4. ศาลาหลวงพ่อสามพี่น้อง

ประกอบด้วย หลวงพ่อพุทธโสธร หลวงพ่อโต หลวงพ่อบ้านแหลม ให้ประชาชนกร่บสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

                            5.ค้าวคาวแม่ไก่

เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่บินได้อย่างแท้จริง มีลักษณะหน้าตาคล้ายสุนัขจิ้งจอก จมูกใบหูเล็ก ตาโต ขนสีน้ำตาลแกมแดง ปีกสีดำเป็นพังผืดบางๆซึ่งขึ้นระหว่างนิ้ว  นิ้วของค้างคาวยาวเกือบเท่าความยาวของลำตัว มีนิ้วหัวแม่มือสั้นกว่านิ้วอื่นๆเล็บหัวแม่มือแหลมคม และดค้งได้อย่างเล็บเหยี่ยว มีไว้สำหรับจับหรือยึดกิ่งไม้ โตเต็มที่เวลากางปีกจะยาวประมาณ 3 ฟุต ออกลุกครั้งละ 1 ตัวเวลานอนจะห้อยหัวลงและนอนในเวลากลางวันพอจะพลบค่ำก้ออกไปหากินตามป่า ตามสวน อาหารที่ชอบได้แก่ ลูกและใบอ่อนของต้นไทร ต้นโพธิ์ ต้นนุ่นและผลมะม่วงแก่ ฝรั่งแก่  เป็นต้น พอรุ่งสว่างก็จะบินกลับที่เดิมดดยอยู่เป็นกลุ่มโดยเฉพาะบริเวณต้นโพธิ์ ไม่ว่าจะแดดร้อนจัดหรือฝนตกก็ไม่หลบหนีไปไหน ค้างคาวเหล่านี้มาอาศัยอยู่ในวัดโพธิ์มานานแล้ว ไม่มีผู้บันทึกไวเชัดเจน ซึ่งมีปรากฏให้เห็นในสมัยพระครูสุตาลงกต(ต่วน แพน้อย)เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์บางคล้า มรณภาพเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2509 ในปัจจุบันค้างคาวเเม่ไก่ยังอาศัยต้นโพธิ์ ต้ไทร บริเวณวัดโพธิ์บางคล้า (สมาตใชาวอำเภอบางคล้าฉะเชิงเทรา,2544,(หน้า 54-55) จึงนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของตำบลบางตล้า อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา

      6.จุดชมทิวทัศนียภาพแม่น้ำบางประกง บริเวณท่าน้ำวัดโพธิ์บางคล้า